ศึกษาต่อต่างประเทศ ไม่ยากอย่างที่คิด ค้นหาโรงเรียนสอนภาษากว่า 600 แห่ง ใน 6 ประเทศ

SAT คืออะไร ? ทำไมต้องสอบ SAT ?

5 เมษายน 2561 นักเรียน เรียนรู้ด้วยตนเอง หนังสือ

SAT คืออะไร ?

สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมตอนปลายต้องรู้จักเป็นอย่างดี กับการสอบวัดความรู้เพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่ง SAT สามารถใช้สอบเข้าต่อทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ SAT ถูกจัดสอบโดยหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาชื่อ College Board ดำเนินการโดย Educational Testing Service (ETS) ปัจจุบัน ETS ได้เป็นเพียงแค่หน่วยจัดสอบเทานั้น จากนั้นก็มีการพัฒนาข้อสอบและเปลี่ยนชื่อหลายครั้ง

sat,test

SAT สอบเพื่ออะไร ?

SAT เป็นข้อสอบมาตรฐาน ที่วัดทักษะด้าน verbal และ mathematical reasoning มีความสำคัญต่อการประสบความสำเร็จในการเข้าศึกษาต่อระดับปริญญา มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ  จะอ้างอิงถึงผล SAT ในการพิจารณารับนักศึกษา นอกจากนี้ อาจจะใช้ผลสอบ SAT ในการพิจารณาสิทธิในการขอทุนการศึกษาด้วย ใน 1 ปีจะมีการสอบ 4 ครั้ง คือในเดือนมีนาคม พฤษภาคม ตุลาคม และธันวาคม สามารถสมัครสอบผ่านเว็บไซต์ collegeboard.com โดยประมาณเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน ของแต่ละปีจะเปิดตารางใน 4 รอบถัดไปคือเดือนตุลาคม ธันวาคม มีนาคม และพฤษภาคมให้สมัคร

สอบ SAT ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ?

SAT มีการจัดการสอบในหลายประเทศ ซึ่งจะใช้ข้อสอบชุดเดียวกันและสอบในเวลาเดียวกันทั่วโลก SAT ไม่จำกัดอายุของผู้เข้าสอบ แต่จำกัดอายุของผลคะแนนสอบให้มีอายุใช้งานได้ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่เข้าไปยื่นและสามารสอบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ปกติสอบกันไม่เกิน 2 ครั้ง

โครงสร้างข้อสอบ SAT

ตั้งแต่รอบสอบเดือนพฤษภาคม ปี 2016 ในประเทศไทย การสอบ SAT ได้เปลี่ยนระบบใหม่โดยใช้ชื่อว่า Redesigned SAT หรือที่เรียกกันว่า New SAT จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง มาดูกันค่ะ

1. ลดข้อสอบ

ปัจจุบัน ข้อสอบจะมี 2 ส่วนคือ Math และ Reading & Writing คือ ข้อสอบใหม่จะรวบ Reading และ Writing เข้าเป็นส่วนเดียวกัน โดยข้อสอบ Writing แบบเดิมจะบังคับเขียน Essay ด้วย แต่ข้อสอบแบบใหม่ไม่ได้บังคับให้เขียน Essay ใครไม่อยากเขียนก็ไม่ต้องสอบ

2. ลดเวลาการสอบ

จาก3 ชั่วโมง 45 นาที เหลือ 3 ชั่วโมงถ้วน เนื่องจากข้อสอบใหม่ไม่บังคับทำ Essay เหมือนแบบเก่า ดังนั้นใครไม่ต้องการสอบ Essay ก็จะใช้เวลาน้อยลง (ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยในไทยส่วนใหญ่ไม่พิจารณาผลตรงนี้ ต้องคอยติดตามว่าในอนาคตจะมีหลักสูตรไหนต้องการผลตรงนี้บ้าง ส่วนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศบางแห่ง ต้องการผล Essay ด้วย)

3. ลดคะแนน

จากเดิมคะแนนเต็ม 2,400 เหลือ 1,600 คะแนน เนื่องจากการรวมข้อสอบแบบ Reading กับ Writing ทำให้คะแนนลดลง 800 คะแนน โดยจะมาจาก Math 800 คะแนน และ Reading and Writing 800 คะแนน รวมกันเป็น 1,600 คะแนน อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยในไทยมักพิจารณาผลจากคะแนนเต็ม 1,600 อยู่แล้ว จึงไม่ได้มีผลในส่วนนี้

4. กรณีตอบผิด ไม่มีการหักคะแนน

ต่อไปนี้จะสามารถเดาหรือกาคำตอบมั่ว ได้อย่างเต็มที่ ต่างจากการสอบ SAT แบบเดิมที่หากตอบผิด จะมีการหักคะแนน

5. เนื้อหาการสอบ

เมื่อปี 2016 ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเนื้อหาการสอบ เรามาดูรายละเอียดของแต่ละส่วนกันเลย

Reading หรือที่มีอีกชื่อว่า Evidence-Based Reading มีคำถาม 52 ข้อ ให้เวลาทำ 65 นาที ในการสอบจะมี 4 Passage และ 1 Pair Passage (หมายถึงมี 2 Passage ที่เขียนโดยผู้เขียนคนละคน แต่พูดถึงเรื่องเดียวกันหรือคล้ายกัน) ในเรื่องต่างๆคือ

Literature  

Founding Documents or Great Global Conversation

Social Studies  

Science (Physics, Chemistry, Biology)

โดยคำถามจะเริ่มจากคำถามกว้างๆก่อน เช่น The main purpose of this passage is to แล้วค่อยๆลงรายละเอียดในคำถามต่อไป

Writing โดยมีคำถาม 44 ข้อ ให้เวลาทำ 35 นาที ในการสอบจะมี 4 Passage ในเรื่องที่คล้ายกับ Passage Reading โดยในแต่ละ Passage จะมีการขีดเส้นใต้คำหรือประโยคจำนวน 11 จุด จากนั้นคำถาม 11 ข้อจะถามว่าส่วนที่ขีดเส้นใต้นั้นผิดหลัก Grammar หรือการเขียนหรือไม่ ถ้าผิด จะต้องแก้เป็นอย่างไร สิ่งที่แตกต่างจากข้อสอบ Writing แบบเดิมคือจะไม่มีการสอบ Error Identification อีกต่อไป

Mathematics ข้อสอบในส่วนนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ

  • No Calculator โดยมีคำถาม 20 ข้อ ให้เวลาทำ 25 นาที ข้อสอบในส่วนนี้ห้ามใช้เครื่องคิดเลข แต่ผู้ออกสอบมักจะออกข้อสอบที่ไม่ต้องมีการคำนวณซับซ้อน เช่น การคูณจุดทศนิยมหลายตัว
  • Calculator โดยมีคำถาม 38 ข้อ ให้เวลาทำ 55 นาที ข้อสอบส่วนนี้ใช้เครื่องคิดเลขได้ตามปกติ

ซึ่งในข้อสอบแบบใหม่จะมีการเพิ่มเนื้อหาบางอย่างที่ไม่เคยออกสอบข้ามาในเรื่องของ Mathematics เช่น Trigonometry

ข้อสอบ New SAT ได้ผลสรุปจากการสอบจริงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี  2016 ว่า New SAT ง่ายกว่าการสอบ Old SAT และการสอบ New SAT นั้นให้ผลคะแนนที่สูงกว่า Old SAT พอสมควร สมัยก่อนการเรียนหลักสูตรนานาชาติเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่สำหรับในยุคอาเซียนแบบนี้ สถาบันที่เปิดสอนหลักสูตรนานาชาติมีแทบทุกที่และได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักเรียนนักศึกษารวมถึงผู้ปกครอง การที่จะเข้าเรียนได้นั้นนักเรียนต้องใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดี มีผลการสอบวัดความรู้ความสามารถจากหน่วยงานซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล การสอบ SAT ก็เป็นหนึ่งในการวัดผลที่ได้รับการยอมรับในระดับต้นๆ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทยและต่างประเทศ

ากคุณสนใจจะเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศแคนาดา นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลียและไอร์เเลนด์ คุณสามารถมาลงทะเบียนกับ SI-English ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เพื่อขอรับคำแนะนำและปรึกษาฟรี!ได้เเล้ววันนี้

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

ไขข้อข้องใจว่าทำไมเราต้องสอบ IELTS

การสอบ IELTS TOEIC และ TOEFL แตกต่างกันอย่างไร

TOEIC คืออะไร? ไขทุกข้อสงสัยที่เกี่ยวกับการสอบ TOEIC

 

© SI-English | All rights reserved | Privacy Policy