Update ข้อสอบ TOEFL iBT ฉบับใหม่ ปี 2019 ที่เริ่มใช้แล้ว เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562 จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ไปเช็คกันกับ SI-English เลย
ข้อสอบ TOEFL คือ
Test of English as a Foreign Language หรือ TOEFL การสอบวัดผลภาษาอังกฤษตามมาตรฐานภาษาอังกฤษแบบอเมริกา ที่ออกแบบมาเพื่อประเมินความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของคนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ซึ่งถือว่าเป็นการสอบวัดระดับทางภาษาที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมากที่สุดในโลก โดยผลคะแนนโทเฟลจะสามารถบ่งบอกถึงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของแต่ละคน ซึ่งจะใช้เป็นหลักเกณฑ์เมื่อต้องการไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นต้น
ทั้งนี้ข้อสอบโทเฟล จะแบ่งเป็นสองแบบคือ TOEFL iBT (Internet-based Format หรือการสอบผ่านอินเตอร์เน็ต) และ TOEFL PBT (Paper-based หรือการใช้กระดาษในการทำข้อสอบ) ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยจะใช้การสอบแบบ TOEFL iBT ในการสอบโทเฟลจะเป็นการทดสอบครบทุกทักษะ : Listening, Speaking, Reading และ Writing โดยส่วนมากจะเป็นการวัดระดับการใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน ในห้องเรียน หรือสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งถือว่าคะแนนโทเฟลมีผลมากในการเลือกมหาวิทยาลัย และคณะที่จะเข้าศึกษาต่อ ดังนั้นหากคะแนนโทเฟลอยู่ในระดับสูง โอกาสที่จะได้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำก็มีสูงขึ้น แต่ถ้าคะแนนอยู่ในระดับต่ำลงมาเรื่อยๆ โอกาสที่จะได้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำก็ลดลงมาตามลำดับ
Update ข้อสอบ TOEFL iBT ฉบับใหม่ ปี 2019
เมื่อวันที่ 1 สิงหา ที่ผ่านมา ทางสถาบันจัดสอบ TOEFL iBT อย่าง ETS ได้ออกมาประกาศแล้วว่าข้อสอบนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ปรับรูปแบบใหม่ ที่จะช่วยยกระดับความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ผู้สอบที่ดีกว่าเดิม โดยรวบรวมข้อมูลข้อสอบ TOEFL นี้ให้ใช้เวลาในการทำน้อยลง ลงทะเบียนสมัครสอบสะดวกขึ้น รวมทั้งส่งผลคะแนนที่ดีที่สุด (MyBest Scores) ให้กับทางมหาวิทยาลัย โดยเลือกรายงานเฉพาะคะแนนที่สูงที่สุดในแต่ละ section ที่ผู้สอบทำได้ภายในระยะเวลาสอบ 2 ปี ก็เรียกได้ว่ากระชับขึ้น ดีขึ้น ได้เห็นผลคะแนนที่ดีที่สุดอีกด้วย เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในรอบหลายสิบปีเลยทีเดียว
สรุปความเปลียนแปลงเก่า-ใหม่ ของข้อสอบ TOEFL iBT
โดยข้อสอบแบ่งออกเป็น 4 Section ดังนี้
#1 Listening Section
ข้อสอบในส่วนนี้นั้นใช้วัดทักษะการฟังและความเข้าใจ บทสนทนาและการบรรยายเชิงวิชาการ ข้อสอบจะประกอบด้วย บทสนทนาของนักศึกษา 2-3 บท (มีคำถามในบทสนทนา อย่างละ 5 ข้อ) และ บทบรรยายหรือการอภิปรายเชิงวิชาการ 3-4 เรื่อง (มีคำถามในบทสนทนา อย่างละ 6 ข้อ) หัวข้อและเนื้อหาของบทบรรยายมีความหลากหลาย แต่ผู้สอบไม่จำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะด้านเกี่ยวกับเนื้อหาก็สามารถตอบคำถามได้ คำถามจะเป็นลักษณะแบบ multiple-choice: main ideas, details, function, stance, inferences และ overall organization
Old : บทสนทนา 2-3 บท จะมีคำถาม 5 ข้อ/บทสนทนา การบรรยาย 4-6 เรื่อง จะมีคำถาม 6 ข้อ/เรื่อง ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 60-90 นาที
New : บทสนทนา 2-3 บท จะมีคำถาม 5 ข้อ/บทสนทนา การบรรยาย 3-4 เรื่อง จะมีคำถาม 6 ข้อ/เรื่อง ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 41-57 นาที
#2 Speaking Section
ใช้วัดทักษะการพูดแบบอิสระ และการเชื่อมโยงเนื้อหาแบบบูรณาการ Speaking Section ประกอบไปด้วย 4 tasks ดังนี้
- Task 1 ผู้สอบจะต้องตอบคำถามแบบ personal preference โดยแสดงความเห็นส่วนตัวและเหตุผลประกอบตัวเลือกของตนเองจากหลายๆ ทางเลือกที่โจทย์กำหนด หรือเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของทางเลือกที่โจทย์กำหนดให้
- Task 2 และ 3 ผู้สอบจะได้อ่านบทความสั้น และได้ฟังบทบรรยาย ตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ที่ได้อ่านและได้ฟัง
- Task 4 ผู้สอบจะได้ฟังบทบรรยายเชิงวิชาการ และต้องพูดสรุปประเด็นสำคัญจากสิ่งที่ได้ฟัง
Old : 6 Task 4 integrated / 2 independent ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 20 นาที
New : 4 Task 3 integrated / 1 independent ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 17 นาที
#3 Reading Section
ใช้วัดทักษะการอ่านและความเข้าใจ เนื้อหาเชิงวิชาการ ข้อสอบจะประกอบไปด้วย บทความ 3-4 เรื่อง แต่ละเรื่องมีคำถาม 10 ข้อ หัวข้อและเนื้อหาของบทความมีความหลากหลายและมักพบเจอในหนังสือเรียนระดับมหาวิทยาลัย แต่ผู้สอบไม่จำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะด้านเกี่ยวกับบทความก็สามารถตอบคำถามได้ คำถามจะเป็นลักษณะแบบ multiple-choice: main ideas, details, function, stance, inferences และ overall organization
Old : 3-4 บทความ จะมีคำถาม 12-14 ข้อ/บทความ ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 60-80 นาที
New : 3-4 บทความ จะมีคำถาม 10 ข้อ/บทความ ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 54-72 นาที
#4 Writing Section
ใช้วัดทักษะด้านการเขียนและการเชื่อมโยงเนื้อหาแบบบูรณาการ ประกอบไปด้วย 2 Tasks ซึ่งใน integrated task1 ผู้สอบจะได้อ่านบทความสั้นตามด้วยฟังบทบรรยายในเรื่องเดียวกัน และเขียนสรุปประเด็นพร้อมทั้งเปรียบเทียบความสอดคล้องหรือขัดแย้งของเนื้อหาที่ได้อ่านและฟัง และใน independent task2 ผู้สอบต้องใช้ความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวในการเขียนบรรยายเหตุผลเกี่ยวกับหัวข้อที่โจทย์กำหนด
Old : 2 Task 1 integrated / 1 independent ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 50 นาที
New : 2 Task 1 integrated / 1 independent ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 50 นาที
เวลาทำข้อสอบทุกพาร์ททั้งหมด เดิม 4 ชั่วโมง / ใหม่ 3 ชั่วโมง
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น การเปลี่ยนแปลงของข้อสอบ TOEFL iBT ปี 2019 จะเปลี่ยนแปลงเยอะหน่อยในส่วนของ Speaking Section จากของเดิมที่มี 6 Tasks ลดเหลือเพียงแค่ 4 Tasks โดย Task 1 (personal experience) และ Task 5 (campus situation; problem/solution) ในฉบับเดิมจะถูกตัดออก และ Task ที่เหลือจะถูกเรียงลำดับ 1-4 ใหม่ และในส่วนของ Reading และ Listening Sections จะไปลดในส่วนของจำนวนคำถาม และจำนวนบทความ ก็ทำให้เวลาในการทำข้อสอบนี้ลดลงไปอีกเช่นกัน แต่รูปแบบของข้อสอบและประเภทคำถามยังคงเหมือนเดิม
ทำไมถึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงข้อสอบ TOEFL iBT?
ETS ได้มีการทำวิจัยศึกษาข้อมูลเชิงลึกของผู้เข้าสอบจากทั่วโลก มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้ข้อสรุปว่าความยาวของข้อสอบฉบับเดิม ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดที่ตรงต่อความน่าเชื่อถือของผลคะแนนที่ออกมา ดังนั้น ETS จึงปรับข้อสอบ TOEFL iBT ฉบับใหม่ ข้อสอบฉบับใหม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และประหยัดเวลาของผู้สอบ กลายเป็นใช้เวลาในการสอบเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น แต่ยังไงก็อย่าลืมเตรียมตัวให้ดีพร้อมก่อนสอบด้วยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.ets.org/toefl/better_test_experience
สำหรับน้องๆที่สนใจอยากศึกษาต่อทางด้านภาษาเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองหรือเพื่อเตรียมสอบ TOEFL IELTS TOEIC มาปรึกษาฟรีกับ พี่ๆ SI-English ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษาต่อ ได้เลยค่ะ และสามารถดูคอร์สเรียนภาษาและประเทศที่ต้องการจะเรียนต่อได้ ที่นี่!
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องน่าสนใจ
IELTS TOEIC และ TOEFL สอบอันไหนดี แตกต่างกันอย่างไร?
คุณรู้จัก Skimming, Scanning และ Details Reading - 3 ทักษะสำคัญในการทำข้อสอบ Reading แล้วหรือยัง