TOEIC หรือ Test of English for International Communication คือการทดสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษในระดับการสื่อสารทั่วๆ ไป TOEIC จะมีอยู่สองแบบคือ TOEIC Listening and Reading Test (การฟังและการอ่าน) และ TOEIC Speaking and Writing Tests (การพูดและการเขียน) ซึ่งอย่างหลังเป็นการสอบรูปแบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
ปัจจุบันในบ้านเรามีการสอบเฉพาะแบบ Listening and Reading Test แต่ก็เริ่มมีการทดลองสอบแบบ Speaking and Writing Tests บ้างแล้ว อย่างไม่เป็นทางการ
มีอะไรบ้าง ในข้อสอบ TOEIC
ข้อสอบ TOEIC Listening and Reading Test (Redesigned TOEIC) จะเป็นแบบปรนัย แบ่งออกเป็น การฟัง 100 ข้อ 495 คะแนน และ การอ่าน 100 ข้อ 495 คะแนน รวมจำนวนข้อสอบทั้งสิ้น 200 ข้อ คะแนนเต็ม 990 คะแนน คะแนนในแต่ละข้อจะไม่เท่ากัน
Part 1 Listening (45 นาที) 100 ข้อ น้องๆ จะได้ฟังคำถามและการสนทนาสั้นๆ แล้วตอบคำถามจากสิ่งที่ได้ยิน แบ่งออกเป็น
ข้อ 1-10 Photographs ในข้อสอบจะมีรูปภาพให้เลือก โดยเทปจะพูดประโยค a b c d และให้เราเลือกรูปภาพที่ตรงกับประโยคที่ได้ยิน (10 ข้อ)
ข้อ 11-40 Question-Response เทปจะอ่านคำถามสั้นๆ ให้เลือกคำตอบจากชอยส์ที่มี ให้ถูกต้อง (30 ข้อ)
ข้อ 41-70 Conversations ในข้อสอบจะมีโจทย์และคำตอบเป็นชอยส์มาให้ โดยให้เลือกคำตอบจากบทสนทนาที่ได้ฟัง 1 บทสนทนาจะใช้กับโจทย์สามข้อ (30 ข้อ)
ข้อ 71-100 Short Talks จะมีบทพูดสั้นๆ ให้ฟัง แล้วมีโจทย์และคำตอบเป็นชอยส์มาให้เลือกตอบ โดยหนึ่งบทพูดใช้กับโจทย์สามข้อเช่นเดียวกัน (30 ข้อ)
Part 2 Reading (75 นาที) 100 ข้อ ในส่วนนี้น้องๆ จะต้องตอบคำถามโดยใช้ทักษะการอ่าน แบ่งออกเป็น
ข้อ 101 - 140 Incomplete Sentences โจทย์เป็นประโยคสั้นๆ ให้เราเลือกเติมคำตอบที่ถูกต้องจากชอยส์ ลงในช่องว่าง (40 ข้อ)
ข้อ 141 - 152 Text Completion โจทย์จะเป็น paragraph สั้นๆ มีช่องว่างไว้ 3 ข้อ เพื่อให้เราเลือกเติมคำที่ถูกต้องจากชอยส์ (12 ข้อ)
ข้อ 153 - 180 Reading Comprehension Part 1 อ่านบทความเพื่อวัดความเข้าใจเนื้อหาและคำศัพท์ แล้วเลือกคำตอบจากชอยส์ โดย 1 บทความใช้ตอบคำถามประมาณ 3 - 4 ข้อ (28 ข้อ)
ข้อ 181 - 200 Reading Comprehension Part 2 วัดความเข้าใจเนื้อหาและคำศัพท์เหมือนพาร์ทแรก แต่จะยากกว่า คือมีบทความสองชิ้นให้อ่านประกอบกัน แล้วเลือกคำตอบ (20 ข้อ)
การสมัครสอบ TOEICขั้นตอนการสมัครสอบ TOEIC
เตรียมค่าสอบ TOEIC 1,500 บาท (Redesigned TOEIC) เตรียมรูปถ่าย 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้วก็ได้ สามารถสมัครด้วยตัวเองที่ ตึก BB หรือโทรไปจองที่นั่งสอบก็ได้ที่ โทร 02-260 7061 , 02 664 3131 เปิดสอบสองช่วงคือ เช้า 09.00 น.-12.00 น. และบ่าย 13.00น.-16.00 น. เปิดสอบทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ซึ่งขอแนะนำให้ไปสอบช่วงเช้าเพราะคนไม่เยอะ แต่ถ้าสอบบ่ายแนะนำให้โทรไปจองก่อน
ผลสอบ TOEIC เอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง?
โดยทั่วไป จะใช้ผลสอบ TOEIC ในการสมัครงาน เช่น สายงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบิน การโรงแรม การท่องเที่ยว การคมนาคม การเงินการลงทุน และอื่นๆ โดยผลสอบ TOEIC มีอายุ 2 ปี นับจากวันที่สอบ
ทั้งนี้มีหลายๆ บริษัทหรือหน่วยงานที่ไม่ได้กำหนดว่าต้องยื่นคะแนน TOEIC ในการสมัคร แต่ก็บางบริษัทมีนโยบายในการเพิ่มค่าตอบแทนสำหรับผู้ที่มีคะแนนสอบ TOEIC ตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดไว้ ที่เรียกกันติดปากว่า “ค่าภาษาอังกฤษ” ให้ ซึ่งแม้จะไม่ได้มีเกณฑ์ที่แน่ชัด แต่หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทเอกชนบางแห่ง มักจะตั้งไว้ที่ 550 – 650 คะแนนขึ้นไป ส่วนงานที่เกี่ยวกับธุรกิจการบินมักจะรับที่ 800 + การสอบ TOEIC จึงเป็นที่นิยมมากในกลุ่มคนทำงาน
สาเหตุที่ทำให้ TOEIC เป็นที่นิยมอีกอย่างก็คือ การสอบ TOEIC นั้น มีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงเหมือนการสอบ IELTS / TOEFL โดยค่าสมัครปัจจุบันอยู่ที่ 1,500 บาทเท่านั้น การสมัครก็ทำได้ง่ายเพราะมีศูนย์สอบอยู่หลายแห่ง (สามารถกูเกิ้ล หาสถานที่จัดสอบ ขั้นตอนการสมัคร ได้ง่ายๆ) ทราบผลไว คือได้สามารถรับผลสอบได้เลย 1-2 วัน หลังวันสอบ การสอบก็เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
การเตรียมตัวสำหรับการสอบ TOEIC
น้องๆ สามารถหาตัวอย่างข้อสอบได้ง่ายๆ จากอินเทอร์เน็ต หรือจะโหลด App TOEIC Test มาทำฝึกก็ได้เช่นกัน ทั้งหนังสือสำหรับเตรียมสอบ TOEIC ก็มีวางขายตามร้านทั่วไป พยายามฝึกทำอย่างสม่ำเสมอ แม้เนื่อหาข้อสอบจะไม่ยากมาก แต่เนื่องจากเวลาที่ค่อนข้างกระชั้น หลายคนจึงเสียคะแนนเพราะทำไม่ทัน ดังนั้น น้องๆ จึงต้องบริหารเวลาให้ดี และวิธีที่ดีที่สุด ก็คือการฝึกทำข้อสอบโดยจับเวลาตามจริงนี่แหละ ส่วนเรื่องของการอ่านเพื่อเตรียมตัว ก็อาจจะช่วยได้บ้าง เช่น การทวนคำศัพท์ หรือโครงสร้างภาษา ฯลฯ แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากทักษะภาษาอังกฤษเป็นทักษะสะสม การอ่านหรือการติว หากทำในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนสอบ อาจช่วยได้ไม่มากเท่ากับการฝึกทำข้อสอบจริงๆ