TOEIC หรือ Test of English for International Communication คือการทดสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษในระดับการสื่อสารทั่วๆ ไป TOEIC จะมีอยู่สองแบบคือ TOEIC Listening and Reading Test (การฟังและการอ่าน) และ TOEIC Speaking and Writing Tests (การพูดและการเขียน) ซึ่งอย่างหลังเป็นการสอบรูปแบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ปัจจุบันในไทยมีการสอบเฉพาะแบบ Listening and Reading Test แต่ก็เริ่มมีการทดลองสอบแบบ Speaking and Writing Tests บ้างแล้ว อย่างไม่เป็นทางการ วันนี้เรามาดูเณฑ์การให้คะแนนของ TOEIC กัน
TOEIC
จากข้อมูลที่กล่าวไว้เบื้องต้น ในประเทสไทยมีการสอบ TOEIC เฉพาะแบบ TOEIC Listening and Reading Test (การฟังและการอ่าน) เป็นแบบทดสอบวัดทักษะความสามารถในการนำภาษาอังกฤษมาใช้งานได้จริง ในด้านการฟังและการอ่านคะแนนของ TOEIC ไม่มีคะแนนได้ หรือคะแนนตก ซึ่งแต่ละคะแนนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการใช้ภาษาของผู้สอบ โดยคะแนน TOEIC เริ่มจาก 10 คะแนนถึง 990 คะแนน
รูปแบบการสอบ TOEIC
ปัจจุบันการสอบ TOEIC ใช้รูปแบบที่เรียกว่า Redesigned TOEIC แบ่งการสอบเป็น 2 ส่วนคือ การฟัง (Listening) และ การอ่าน (Reading) จำนวน 200 ข้อ คะแนนเต็มรวม 990 คะแนน มีเวลาในการทำข้อสอบคือ 2 ชั่วโมง มีรายละเอียดดังนี้
1. การฟัง (Listening Comprehension) มีทั้งหมด 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน ให้เวลาในการทำข้อสอบ 45 นาที โดยจะให้ฟังคำถาม และการสนทนาสั้นๆ ภาษาอังกฤษ แล้วตอบคำถามจากสิ่งที่ได้ฟัง แบ่งออกเป็น 4 ส่วนย่อย ดังนี้
Part 1: Photographs 10 ข้อ
Part 2: Question-Response 30 ข้อ
Part 3: Conversations 30 ข้อ
Part 4: Short Talks 30 ข้อ
2. การอ่าน (Reading Comprehension) มีทั้งหมด 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน ให้เวลาในการทำข้อสอบ 75 นาที ผู้เข้าสอบจะต้องตอบคำถามจากสิ่งที่อ่าน แบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย ดังนี้
Part 5: Incomplete Sentences 40 ข้อ
Part 6: Text Completion 12 ข้อ
Part 7: Reading Comprehension 48 ข้อ
เกณฑ์การให้คะแนน
ระดับเลเวลคะแนนของ TOEIC
คะแนนตั้งแต่ 905 - 990 ระดับ Professional Proficiency
คะแนนตั้งแต่ 785 - 900 ระดับ Advanced Working Proficiency
คะแนนตั้งแต่ 605 -780 ระดับ Basic Working
คะแนนตั้งแต่ 255 - 400 ระดับ Elementary
คะแนนตั้งแต่ 10 - 250 ระดับ Novice
Toeic Part 1 : Listening Section สำหรับพาร์ทฟัง แบ่งคะแนนออกตามนี้
455 - 495 คะแนน : สามารถฟัง และเข้าใจภาษาอังกฤษสำเนียงแท้ๆ การพูดภาษาอังกฤษในการประชุม และฟังก์ชันทั้งหมดของสถานการณ์ต่างๆ รวมทั้งวิเคราะห์ได้อย่างเป็นมืออาชีพ
399 - 450 คะแนน : สามารถฟัง และเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ เช่น การทำงาน ,ภาษาอังกฤษในการประชุมนานาชาติ เข้าใจฟังก์ชันได้ในระดับดี
305 - 390 คะแนน : สามารถทำความเข้าใจ ฟังคำอธิบายของสถานการณ์ต่างๆ เช่น ปัญหาในการทำงาน ,บทสนทนาเหตุการณ์ที่บรรยายจากผู้พูดภาษาอังกฤษแบบสำเนียงแท้ๆ ,หัวข้อข่าวสารทางวิทยุ หรือโทรทัศน์
205 - 300 คะแนน : สามารถเข้าใจ ฟังคำอธิบายสถานการณ์เบื้องต้นได้ในระดับพื้นฐาน เช่น ป้ายประกาศการท่องเที่ยว ,การสนทนาทางโซเชียล
130 - 200 คะแนน : ฟัง และเข้าใจการแลกเปลี่ยนพูดคุยในชีวิตประจำวัน หรือการติดต่อสื่อสารผ่านข้อความทางโทรศัพท์
05 - 125 คะแนน : ฟัง และเข้าใจคำถามง่ายๆ อย่างสถานการณ์ทางสังคม เรื่องของทิศทาง ราคา เป็นต้น
Toeic Part 2 : Reading Section สำหรับพาร์ทอ่าน แบ่งคะแนนออกตามนี้
455 - 495 : สามารถอ่านคู่มือทางเทคนิคได้ บทความ เอกสารต่างๆ และสามารถอ่านได้อย่างมีความเข้าใจและเป็นมืออาชีพ
399 - 450 : สามารถอ่านเอกสารได้เกือบทุกประเภท คู่มือทางเทคนิควิชาการในพจนานุกรม รวมทั้งนวนิยาย
305 - 390 : สามารถอ่านการใช้พจนานุกรม คู่มือทางเทคนิค บทความข่าวสารต่างๆ
205 - 300 : สามารถเข้าใจเทคนิคพื้นฐาน คู่มือเทคนิคการใช้พจนานุกรมสำหรับผู้เริ่มต้น อ่านวาระการประชุม
130 - 200 : สามารถอ่านได้ตามมาตรฐาน อ่านจดหมายธุรกิจได้
05 - 125 : เข้าใจ และอ่านบันทึกง่ายๆ เช่นเมนู ตารางเวลารถไฟ หรือรถบัส ตารางเวลาการจราจรได้
ข้อห้ามในการสอบ TOEIC
- ไม่พร้อมอย่าไป อย่าไปสอบโดยไม่ได้เตรียมตัวอ่านหนังสือมา ข้อสอบโทอิค ไม่ใช่ข้อสอบภาษาอังกฤษทั่วไป คนที่เคยไปเรียนต่างประเทศมาสอบบางครั้งยังได้คะแนนไม่สูงเท่าที่ต้องการเลย เพราะฉะนั้นอ่านหนังสือ ฝึกทำข้อสอบมาให้ดีก่อนแล้วค่อยสมัครสอบ
- ห้ามไปสอบแบบถี่เกินไป มีบางคนไปสอบทุกอาทิตย์ เพราะคิดว่าอาจจะมีบางอาทิตย์ที่จะได้คะแนนสูง แต่จริงๆ แล้วแนะนำว่าการสอบเพื่อวัดทักษะ ควรมีเวลาสำหรับการอ่านหนังสือให้เพียงพอ คิดว่าเตรียมตัวครั้งต่อมาดีกว่ครั้งแรกแล้วหรือยัง ถ้าไม่แตกต่างจากครั้งแรก แล้วจะได้คะแนนสูงขึ้นได้ยังไง ไปสอบถี่ๆ ก็เสียดายเงินเปล่าๆ
- ทำข้อสอบทีละพาร์ท บางคนกลัวทำข้อสอบพาร์ทหลังๆ ไม่ทัน จึงมีการทำบางพาร์ทข้ามมาก่อน แล้วพอเวลาใกล้หมด ก็กลับมาทำพาร์ทแรกไม่ทัน ทำให้เสียเวลาไปอย่างสิ้นเปลือง น่าเสียดายคะแนนที่จะได้ด้วยค่ะ
- รู้จักปูพื้นฐาน ห้ามฝึกทำข้อสอบอย่างเดียว อย่าลืมว่านี่คือการสอบเพื่อวัดทักษะ ถ้าเรามีการปูพื้นฐานทักษะที่ดี ยังไงก็ได้คะแนนสูงแน่นอน ไม่ว่าจะเจอกับข้อสอบยากแค่ไหน
- ห้ามติวหนักวันเดียวแล้วไปสอบ ไม่มีใครเก่งกาจได้ภายในวันเดียวหรอกนะคะ ถึงน้องๆ บางคนจะยอมสมัครคอร์สแพงๆ เรียนหนักในวันเดียว ก่อนไปสอบโทอิค เพื่อหวังคะแนนสูง อย่าลืมว่าผู้ที่มาติิว เขาย่อมมีประสบการณ์ และมันไม่ใช่ประสบการณ์ของเรา ถ้าเราไม่เคยลองใช้ ไม่ได้มีเทคนิคนั้น ตอนไปสอบ ติวเตอร์เราไม่ได้ไปนั่งด้วยนะคะ คะแนนโทอิคดีๆ ไม่ได้ได้มาเพียงเพราะใช้เงินซื้อคอร์ส ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราค่ะ
ผลสอบโทอิคสามารถใช้สมัครงานได้หลายสายงาน เช่น ธุรกิจการบิน การโรงแรม การท่องเที่ยว การคมนาคม การเงิน การลงทุน และอื่นๆ โดยผลสอบ TOEIC จะมีอายุ 2 ปี นับจากวันที่สอบ แต่ก็มีหลายบริษัทนะคะที่ไม่ได้กำหนดว่าต้องยื่นคะแนน TOEIC ในการสมัคร ในบางบริษํทนั้นจะมีนโยบายการเพิ่มค่าตอบแทนรายได้ สำหรับผู้ที่มีคะแนนสอบโทอิค ตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดไว้ (ค่าภาษาอังกฤษ) มักจะตั้งเกณฑ์ไว้ที่ 550 - 650 คะแนนขึ้นไป ส่วนงานที่เกี่ยวกับธุรกิจการบิน ตั้งไว้ที่ 800 คะแนนขึ้นไป ยังไงก็อย่าลืมทบทวนข้อสอบบ่อยๆ เพื่อเป็นการเตรียมตัวสอบให้พร้อม สำหรับน้องๆ ที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นใน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไอร์แลนด์เพื่อเพิ่มคะแนนในการสอบ TOEIC สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับคำปรึกษา จากพี่ๆผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนภาษาของ SI-English ฟรี!
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องน่าสนใจ
คะแนน TOEIC พุ่งชัวร์ !! รีบลงเรียน 5 คอร์สภาษาออนไลน์ !!
คุณรู้จัก Skimming, Scanning และ Details Reading - 3 ทักษะสำคัญในการทำข้อสอบ Reading แล้วหรือยัง