น้องๆ หลายคนที่มีแพลนจะไปอเมริกา ไม่ว่าจะไปเรียน ไปทำงาน หรือไปเที่ยว อาจจะกำลังสงสัยว่า จะไปช็อปปิงที่ไหนดี ในอเมริกาแต่ละเมืองจะมี Shopping mall ประจำอยู่แล้ว เป็นแหล่งรวมของร้านค้าต่างๆ จำนวนแบรนด์ที่มีจะขึ้นอยู่กับขนาดของห้างนั้นๆ หากอยากช็อปเยอะ แนะนำให้ไปเมืองที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย เพราะว่าเมืองใหญ่ ๆ จะมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านค้าหรือแบรนด์ต่างๆก็จะมีให้เลือกเยอะกว่า ถ้าไม่อยากไปเมืองใหญ๋ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าได้จากร้าน Drug stores คล้าย ๆ ร้านสะดวกซื้อทั่วไป แต่ขายมากกว่ายา เรียกว่าแทบจะครบวงจรเลยล่ะค่ะ
ไม่ว่าจะสนใจสินค้าแบบไหน เมืองแห่งเสรีภาพนี้มีสินค้าทุกอย่างที่คุณต้องการ สำหรับสถานที่ช้อปปิ้งในอเมริกานี้ เราจะขอแบ่งเป็น 5 ประเภทหลักค่ะ คือ Strip Mall, Outlet Mall, Specialty Store, Dollar Store และ Groceries Store
#1 Strip Mall
Strip Mall มีลักษณะเป็นร้านค้าหลายร้านเรียงเข้าแถวในแนวเดียวกัน หรือเป็นรูปตัวแอล มีทางคนเดินอยู่ข้างหน้า คือขับมาจากถนน เห็นร้านแล้วเลี้ยวเข้ามาจอด ลงจากรถเข้าร้านได้เลย ลูกค้าส่วนใหญ่ก็คือผู้อยู่อาศัยรอบ ๆ บริเวณนั้นนั่นเองค่ะ Strip Mall มีข้อดีคือ ร้านค้าหลากหลายไม่ค่อยซ้ำเหมือนในห้าง ตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ ไม่ต้องขับรถไกลเพื่อหาซื้อของ Strip Mall ได้มาจากการจัดสรรที่ดิน โดยกั้นที่หัวมุมถนนเอาไว้ทำเป็นร้านค้า แทนที่จะทำเป็นบ้าน เพราะทำเป็นร้านค้าต่าง ๆ จะได้กำไร และใช้ประโยชน์กับพื้นที่ได้คุ้มค่ากว่า เจ้าของที่เป็นผู้ขายเอง ทำให้มีความเป็นกันเองกับลูกค้า Strip Mall มีตั้งแต่ขนาดเล็ก เช่น เป็นปั๊มน้ำมันหรือธนาคาร หรือใหญ่หน่อยก็จะมีทั้งร้านอาหาร, ร้านตัดผม, ร้านวีดีโอ เป็นต้น
#2 Outlet Mall
Outlet Mall คือร้านค้าต่าง ๆ ที่ขายของโดยตรงจากแหล่งผู้ผลิต ที่ขายของเลหลัง สินค้าหมดฤดูกาล ของลูกค้าคืน ของมีตำหนิ ของ overstock แต่ยังอยู่ในสภาพดี ราคาก็จะถูกกว่าในห้างถึง 30-80% ค่ะ Outlet มักอยู่ไกลจากตัวเมือง อย่างน้อยก็ 20 ไมล์ แต่จะอยู่ริมทางหลวงหลักซึ่งเดินทางง่าย ทั้งนี้ เพื่อประหยัดค่าเช่า ค่าตกแต่ง และไม่ต้องแข่งกับร้านของตัวเองที่มีอยู่แล้วในเมืองหลัก Outlet Mall มีของถูกและดี รีบไปปักหมุดกันเลยค่ะ
#3 Specialty Store
Specialty Store คือร้านขายของเฉพาะทาง ในอเมริกามีร้านขายของเฉพาะทางมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะคนอเมริกันมีกำลังซื้อ เปิดกว้าง และกล้าที่จะแตกต่าง มีคนเป็นเจ้าของกิจการรายย่อยเยอะ จึงกล้าเสี่ยงขายของที่ตัวเองชอบ หรือคิดว่าจะขายได้ ตัวอย่างร้านใหญ่ที่มีหลายสาขาทั่วประเทศก็เช่น ร้านขายอุปกรณ์กีฬา อย่างเช่น REI, Sport Chalet ร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยง เช่น Pet Co, Pet Smart ร้านขายของเล่น เช่น Toy R Us ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิค เช่น Circuit City, Best Buy และยังมีร้านอื่น ๆ อีกทั่วทุกเมืองค่ะ
#4 Dollar Store
Dollar Store เป็นร้านค้าที่ขายสินค้าทุกชิ้นราคาเดียวกันหมด คือ 1 เหรียญ จึงเป็นที่มาของชื่อร้านค่ะ ภายในร้าน มีสินค้าแทบทุกอย่างที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ของกิน, เครื่องเขียน, ของเล่นเด็ก, อุปกรณ์ล้างรถ, เครื่องสำอาง, เครื่องครัว, ของใช้ในห้องน้ำ, ของประดับตามเทศกาล และอีกมากมาย คุณภาพของสินค้าก็พอใช้ได้ โดยเฉพาะถ้ามีปาร์ตี้ คนจะพุ่งมาซื้อที่นี่ เพราะมีจาน ชาม ช้อน ส้อม ผ้าปูโต๊ะพลาสติก ราคาถูก ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งได้เลยค่ะ
#5 Groceries Store
Groceries Store คือ แหล่งจับจ่ายซื้อของใช้ขนาดใหญ่ของอเมริกาที่มีสาขาอยู่ทั่วทุกรัฐ และเกือบทุกเมือง มีอยู่ 2 เจ้าขนาดใหญ่ที่ใคร ๆ ก็รู้จักคือ Walmart และ Target เป็นสัญลักษณ์ของการช็อปที่อเมริกาเลยด้วย ชาวอเมริกันนิยมซื้อของใช้ ของกิน ของสด จาก Groceries Store คล้ายกับ Big-C Tesco lotus ในบ้านเรานั่นเอง
พอจะเป็นแนวทางให้เหล่านักช็อปได้บ้างใช่ไหมคะ สำหรับข้อมูลวันนี้ นอกจากช็อปปิงให้ตัวเองแล้ว อย่าลืมช็อปปิงเผื่อครอบครัว ญาติ เพื่อน เพราะของบางอย่างที่นี่ อย่างพวกแบรนด์เนมทั้งหลายจะถูกกว่าในเมืองไทยมาก ของใช้ ของกิน ส่วนห้างร้านก็มีมากมาย เรียกได้ว่าครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ ราคาก็มีตั้งแต่ถูกสุด ๆ จนถึงแพงสุด ๆ เช่นกัน และถ้าไม่พอใจก็ขอคืนเงินได้เต็มจำนวน เพียงขอให้อยู่ในสภาพดี มีใบเสร็จยืนยันว่าซื้อมาจากที่นั่นจริง และไม่นานเกินวันกำหนดของร้าน เพราะอย่างนี้ การจับจ่ายซื้อของในอเมริกาถึงเป็นสวรรค์นักช็อปจริง ๆ หากคุณมีความสนใจอยากจะศึกษาต่อด้านภาษาที่สหรัฐอเมริกาคุณสามารถเลือกเมืองและคอร์สเรียนภาษาในอเมริกา ที่ตรงตามความต้องการของคุณได้กับเรา หรือหากคุณอยากปรึกษาและขอคำแนะนำต่างๆสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับคำปรึกษาฟรี! ได้ที่ SI-English ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ ได้ตั้งแต่วันนี้ค่ะ
บทความแนะนำ
เรียนภาษาใน USA เมืองไหนใช่ที่สุด 1
เรียนภาษาใน USA เมืองไหนใช่ที่สุด 2
4 กิจกรรมที่น่าสนใจ เมื่อไปเรียนภาษาอังกฤษที่ "นิวยอร์ก"
