สหรัฐอเมริกา อีกหนึ่งประเทศที่คนไทยหมายปองจะไปเรียนต่อด้านภาษา (เรียนภาษาที่ “อเมริกา” กับ 4 เมืองยอดฮิตของเด็กไทย) อีกทั้งยังเป็นประเทศที่น่าสนใจอันดับต้นๆของโลกอีกด้วย แต่ก่อนที่คุณจะวางแพลนไปศึกษาต่อที่อเมริกานั้น คุณลองมาดูสิว่าวัฒนธรรมสไตล์อเมริกันที่คุณควรรู้ก่อนไปศึกษาต่อจะมีอะไรบ้าง
การทักทายแบบ Shake hand ถือเป็นเรื่องปกติ
หากพูดถึงการทักทายแบบ American Style ก็จะนึกถึงการจับมือหรือที่เรียกว่า Shake Hand นั่นเอง ซึ่งการจับมือทักทายเซย์ฮัลโลถือเป็นเรื่องปกติของที่นี่ แต่ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรทำในขณะที่กำลัง Shake Hand นั่นก็คือการสบตานั่นเอง เพราะเขาจะถือว่าเป็นมารยาทที่ดี หากคุณไม่สบตาเขาคุณก็จะถูกมองว่าเสียมารยาทในทันที อ่อ!ถ้าหากมีคนทักทายคุณเช่น Hi how are you? คุณก็ควรตอบไปสั้นได้เลยว่า I’m good how are you? ซึ่งสามารถตอบกลับได้ทั้งคนที่คุณรู้จักหรือคนแปลกหน้าที่เดินสวนกันก็ตาม
มารยาทและท่าทางในการพูดคุย
อีกหนึ่งมารยาทที่คุณควรรู้ไว้นั่นก็คือมารยาทในเรื่องของท่าทาง และคำพูดในการพูดคุย หากจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็อย่างเช่น ถ้าคุณกำลังพูดคุยกับคนอเมริกัน หรือมีคนอเมริกันมาแซวว่าคุณสวย แล้วคุณเกิดอาการเขินขึ้นมา อย่า!ไปตีแขนของฝ่ายตรงข้ามเด็ดขาดนะคะ เพราะถือเป็นการเสียมารยาทอย่างหนึ่งค่ะ
ส่วนเรื่องการเรียกชื่อหรือสรรพนามอย่างเช่นการเรียกอาจารย์ หรือคุณครูก็ควรเรียกจากนามสกุล เช่น Mr. Taylor หรือ Mrs./Ms. Taylor เพราะหากไปเรียกว่า Teacher เฉยๆ มันก็จะฟังดูแปลกๆไม่ค่อยจะดีนั่นเอง
สำหรับอีกหนึ่งมารยาทสากลที่ประเทศอเมริกามีเหมือนประเทศอื่นๆนั่นก็คือ อย่าถามคนอื่นว่าทำงานได้เงินเท่าไหร่ รวมถึงอย่าถามเรื่องราคาเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ ไม่ควรถามถึงเรื่องอายุ และเรื่องแต่งงานหรือยัง อย่าไปถามจนกว่าเขาจะเปิดประเด็นคุยเองค่ะ
นอกจากนี้ก็ไม่ควรทักทายด้วยคำพูดแซวที่อาจจะทำให้เขาเสียหน้าได้ เช่น ทักเพื่อนผู้หญิงอเมริกันว่า “ทำไมอ้วนขึ้น” ห้ามทักทายแบบนี้เด็ดขาด เพราะคำว่า fat หรืออ้วนถ้าไม่สนิทกันและพูดก็จะถือว่าเป็นคำพูดที่แรงสุดๆ และเสียมารยาทสุดๆเลยก็ว่าได้ค่ะ
คนอเมริกันรักกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ!
ประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการแข่งขันกีฬา ซึ่งคนอเมริกันจะให้ความสำคัญกับกีฬาที่นี่มากๆไม่ว่าจะเป็นกีฬาเบสบอล หรืออเมริกันฟุตบอลที่แตกต่างจากกีฬาฟุตบอลของบ้านเรา นอกจากนี้หากใครที่กำลังจะเตรียมตัวไปศึกษาต่อที่อเมริกา (สิ่งที่คุณควรจะเข้าใจ ก่อนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา) ก็ให้จำไว้เลยว่ากีฬา Football ที่เรารู้และเรียกกันติดปากนั้นที่อเมริกาเขาจะเรียกว่า Soccer นั่นเอง ดังนั้นก็อย่าเผลอไปเรียกกีฬานี้ว่าฟุตบอลนะ เพราะไม่อย่างนั้นชาวอเมริกันจะเข้าใจผิดนึกว่าคุณหมายถึงกีฬาอเมริกันฟุตบอลเอาได้นะคะ
การเสิร์ฟอาหารจานใหญ่ เป็นเรื่องปกติของที่นี่
อเมริกาขึ้นชื่อมากในเรื่องของอาหารที่หลากหลาย แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่ทำเอาหลายคนอึ้ง! สิ่งนั้นคือการเสิร์ฟอาหารไซส์ใหญ่นั่นเอง เพราะที่นี่ถือเป็นสิ่งที่ปกติมากที่คุณจะสั่งอาหารราคาปกติแต่กลับได้ไซส์ของอาหารแบบเอ็กตร้า เพราะคนอเมริกันมีนิสัยที่รักการกินเป็นชีวิตจิตใจเหมือนคนไทยเรา แต่แค่แตกต่างกันในเรื่องขนาดของตัวเท่านั้น ดังนั้นเวลาไปสั่งอาหารที่นู้นก็ไม่ต้องตกใจที่คุณจะได้อาหารขนาดใหญ่เป็นสองเท่า รับรองเลยว่าคุณจะกินจนอิ่มข้ามวันไปเลยทีเดียว
อย่าลืมให้ทิป
เอาหละค่ะหลังจากทานอาหารในร้านอาหารเสร็จก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่คุณ “ควร” จะทำนั่นก็คือการให้ “ทิป” นั่นเอง เพราะถึงแม้ว่ากฎหมายของอเมริกาไม่ได้กำหนดไว้ว่าคุณต้องจ่ายทิป แต่การให้ทิปของที่นี่ถือเป็นมารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติที่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านตัดผม หรือการบริการอื่นๆ เมื่อใช้บริการเสร็จคุณก็ควรให้ทิปพวกเขา ยกเว้นแต่พนักงานบางคนที่ให้บริการคุณไม่ดีเท่านั้นค่ะ
- โดยเรทการให้ทิปของร้านอาหาร ควรให้อยู่ที่ 15 – 20% ของค่าอาหารทั้งหมด ยกเว้นร้านนั้นมีป้ายบอกว่า “No Tipping” หรือรวมค่าบริการในบิลเรียบร้อยแล้ว
- หรือถ้าแม่บ้านโรงเเรมก็ควรจะให้ที่ $2 – 4 ต่อคืน โดยอาจวางทิปไว้ที่ใต้แผ่นการ์ดของโรงแรมที่มักจะตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
- ถ้าเป็นคนขับแท๊กซี่ ควรให้อยู่ที่ 10 – 15% ของค่ารถ โดยควรปัดขึ้นเต็มดอลล่าร์ ไม่ต้องมีเศษเซ็นต์
- บาร์เทนเดอร์หรือพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มในเลาจน์ (lounge) ควรให้ที่ 10 – 15% ของค่าเครื่องดื่ม หรือที่นิยมกันคือจ่ายเพิ่ม $1 ต่อแก้ว
- พนักงานเข็นกระเป๋า ในโรงแรม ควรให้ทิปที่ $2 ต่อกระเป๋า 1 ใบ หรือ $5 ต่อรถเข็นหนึ่งคัน
- แต่หากซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มแบบที่ต้องต่อแถวสั่งที่เคาน์เตอร์ ร้านส่วนมากจะมีกล่องทิปตั้งไว้ที่แคชเชียร์ แบบนี้เราไม่จำเป็นต้องให้ก็ได้ค่ะ แต่หากเห็นว่าพนักงานขายทักทายดีพูดจาน่ารัก คุณก็สามารถให้ทิปตามที่คุณพอใจได้เลยค่ะ
คนอเมริกันใจกว้าง เฟรนด์ลี่ ขี้เล่น
ประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่ถูกขนานนามว่า ‘Melting Pot’ หรือประเทศที่มีหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นเอเชีย ยุโรป แอฟริกา และอเมริกาใต้ก็ล้วนแต่อาศัยอยู่ในประเทศอเมริกาเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นคนอเมริกันจึงได้ขึ้นชื่อว่าอัธยาศัยดี และใจกว้างที่สุด ซึ่งหากคุณมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นู้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคนแปลกหน้าจึงชอบยิ้มหรือทักทายเรา เพราะการคุยกับคนแปลกหน้าและ Small Talk หรือการคุยเล่นถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับวัฒนธรรมชาวอเมริกันนั่นเองค่ะ
คนอเมริกันเป็นคนเปิดเผย
ชาวอเมริกันถือเป็นคนที่เปิดเผยและตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องการพูดจา การทำงาน หรือการแก้ปัญหาก็จะตรงไปตรงมาแบบไม่อ้อมค้อม สำหรับคนไทยบางคนอาจจะยังเคยชินกับวัฒนธรรมไทยที่ต้องรักษาน้ำใจโดยเฉพาะในเรื่องของคำพูด แต่เมื่อคุณต้องมาเรียนอยู่ที่อเมริกาคุณอาจจะต้องปรับตัวในการใช้ชีวิตในสังคมสไตล์ชาวอเมริกันสักหน่อย เหมือนกับสำนวนไทยที่ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เพื่อที่คุณจะได้ไม่รู้สึกตกใจในการใช้คำพูดของคนประเทศนี้นั่นเอง
คนอเมริกันมีไลฟ์สไตล์แบบ To Go!
คนอเมริกันมีไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ ทั้งเมืองเล็ก เมืองใหญ่ หรือเมืองหลวงทุกคนก็ดูจะเร่งรีบทั้งนั้น โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆอย่าง LA และนิวยอร์กซึ่งถือเป็นเมืองสุดคูล (4 กิจกรรมน่าสนใจ เมื่อต้องไปเรียนภาษาอังกฤษที่นิวยอร์ก) และมีไลฟ์สไตล์การสั่งอาหารแบบ To – go มากที่สุด To – go คือการสั่งอาหารแบบกลับบ้าน หรือหลายๆคนอาจจะกินในระหว่างเดินทางไปด้วยก็ได้ ซึ่งอาหารจำพวก To – go ที่มีชื่อเสียงที่สุดนั่นก็คือ “แฮมเบอร์เกอร์” อาหารชิ้นโปรดของชาวอเมริกันนั่นเอง
จริงจังกับการตรงต่อเวลามากที่สุด!
ใครที่เป็นคนชอบผิดนัดหรือไม่ตรงต่อเวลา เมื่อมาอยู่ที่อเมริกาคุณต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่มีระเบียบวินัยในเรื่องของเวลาให้ได้นะคะ เพราะว่าคนอเมริกันมักจะจริงจังกับเรื่องตารางนัดหมายของตนเองมาก เนื่องจากคนที่นี่จะมีการใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ busy อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเวลาการทำงาน เวลานัดหมายต่างๆ และเวลาเข้าเรียนก็จะต้องเป๊ะตรงเวลาสุดๆ! ซึ่งหากเป็นเวลาทำงานคนที่นี่เขาก็จะจริงจังมากไม่มีการมามัวแต่พูดเล่น นั่งเล่น หรือเรียกง่ายๆคือต้องทำงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยทำอย่างอื่นได้นั่นเอง
Study English in USA
หากคุณสนใจหรือต้องการที่จะศึกษาต่อในด้านภาษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณจะสามารถค้นหาโรงเรียนสอนภาษาชั้นนำในเมืองต่างๆที่ USA ได้ที่นี่ หรือลงทะเบียนกับ SI-English ผู้เชี่ยวชาญในการศึกษาต่อด้านภาษา เพื่อขอรับข้อมูล และคำแนะนำฟรี! ได้ตั้งแต่วันนี้ค่ะ
บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้องน่าสนใจ
เรียนภาษาอังกฤษใน USA เมืองไหนใช่ที่สุด (1)
ขั้นตอนการขอวีซ่าเรียนต่ออเมริกา (VISA F-1)
เรียนภาษาอังกฤษใน 6 ประเทศดัง ที่ไหนจะปังที่สุดสำหรับคุณ!
