How to write an Essay เขียน Essay อย่างไรให้ได้ไปเรียนต่อ

Essay ก็คือการเขียนเรียงความรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเอสเส เป็นหนึ่งในเอกสารประกอบการพิจารณารับคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษาต่างประเทศ ฟังดูแล้วเห็นความสำคัญของเอสเสขึ้นมาเลยใช่ไหมคะ? Essay เป็นเรียงความที่เขียนบรรยายเกี่ยวกับคุณสมบัติของตัวเราเอง เขียนให้ถูกต้อง ตรงประเด็นและกระชับ และเพราะการเขียน Essay ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน Si-English จึงมากับบทความวันนี้ที่ว่า How to write an Essay เขียน Essay อย่างไรให้ได้ไปเรียนต่อ

อันดับแรกจะขอพูดถึงการเขียน Essay ขนาดสั้น หรือที่เรียกกันว่า Short Answer โดยทั่วไปจะมีการกำหนดคำ เช่น ห้ามเกิน 150 ตัวอักษรหรือ 20 คำ แล้วแต่มหาวิทยาลัยกำหนด บางมหาวิทยาลัยอาจจะกำหนดมากถึง 100 คำ

คำถามประเภท Short Answer แบ่งออกได้ดังนี้ค่ะ

• Why Question

คำถามประเภททำไม โดยส่วนมากจะถามว่า ทำไมถึงสนใจมหาวิทยาลัยนี้ ทำไมถึงอยากเรียนสาขาวิชานี้ สิ่งแรกที่ควรทำเลย น้องๆ ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิยาลัยให้มากๆ และข้อมูลของสาขาวิชาที่จะเรียนต่อ มีโปรแกรม กิจกรรมอะไรที่น่าสนใจ อยากจะเข้าร่วมกิจกรรม ลองทำอะไรที่ยังไม่เคยทำ อาจจะเขียนไปด้วยก็ได้ว่าอยากเรียนและอยากนำสิ่งที่เรียนไปพัฒนา ไปทำงานต่อในอนาคต พยายามแสดงให้มหาวิทยาลัยเห็นถึงความประสงค์ของเราจริงๆ และเทคนิคสำคัญลองเชื่อมเรื่องราวของเราเข้ากับคำถามของมหาวิทยาลัย นิสัย สิ่งที่เราชอบทำในเวลาว่าง งานอดิเรกต่างๆ เช่น เราสนใจเรียนที่นี่และชอบบรรยากาศของเมือง ก็อาจจะเล่าไปว่าเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวาย อยากเรียนในเมืองเล็กๆ อากาศดี ความเป็นอยู่ที่อบอุ่น ห้องเรียนไม่ได้มีคนจำนวนมาก ทำให้เรียนรู้อย่างละเอียด หรือใครที่สนใจจะเรียนสาขาวิชาเฉพาะด้าน ก็เน้นว่าเราสนใจด้านนั้นมากแค่ไหน จุดมุ่งหมายของคำถามนี้ เนื่องจากมหาวิทยาลัยต้องการพิจารณาว่าเราเหมาะสมหรือไม่ จะได้ไม่ต้องมีการเปลี่ยนมหาวิทยาลัยในภายหลัง (Transfer)

• คำถามทั่วไป

เป็นคำถามทั่วไปมากๆ จนบางคนอาจจะคิดว่าถามไปทำไมกันนะ เช่น หนังสือเล่มสุดท้ายที่อ่านชื่ออะไร ใครคือแรงบันดาลใจของคุณ  สถานที่ท่องเที่ยวไหน ที่คุณไปแล้วประทับใจมากที่สุด จริงๆ แล้ว เขาไม่ได้สนใจคำตอบ แต่เขาสนใจเหตุผลที่นำมาอธิบายว่าเพราะอะไรถึงชอบแบบนั้น ถึงเป็นอย่างนั้น สิ่งที่เราตอบจะสะท้อนถึงตัวตน มุมมอง ความคิดของเรา เพราะฉะนั้นตอบให้เป็นตัวเองมากที่สุด ผ่านคำถามที่ดูง่ายๆ แต่ให้ทางมหาวิทยาลัยรู้จักเรามากที่สุด หากเจอคำถามที่ไม่ได้มีข้อมูลในเรื่องนั้้น เช่น เกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานที่เคยทำ แต่คุณยังไม่เคยทำงาน ก็เขียเป็นประสบการณ์ทั่วไป หรืองานอาสาสมัคร พยายามอย่าเว้นว่าง เขียนให้ครบหรือเกือบครบคำที่กำหนด แต่ไม่ควรเกิน เน้นเขียนเนื้อ ไม่เอาน้ำจ้า !!

และ Essay อีกรูปแบบหนึ่งก็คือ เขียนเรียงความขนาดยาว มีเนื้อหา 250 คำขึ้นไป

โครงสร้างของ essay มีดังนี้

1 Introduction คือ บทนำ เป็นส่วนแรกของเรียงความที่จะบอกเบื้องต้นว่าเรียงความนี้จะกล่าวถึงเรื่องอะไร

2 Body คือ ส่วนของเนื้อหา ใจความสำคัญต่างๆ จะเป็นส่วนที่ยาวที่สุดของเรียงความ อาจจะแยกย่อยเป็นหลายย่อหน้าก็ได้ แต่เมื่อผู้อ่านๆ แล้วจะต้องเข้าใจและได้รับข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น โดยจะประกอบด้วย 3 ส่วนย่อยคือ

• Topic Sentence หรือหัวข้อเรื่องที่เราจะพูดถึงนั่นเอง
• Supporting sentences เป็นตัวที่สนับสนุนหัวข้อหรือ Topic Sentence อาจจะมีการขยายความหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติม ยกตัวอย่าง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น
• Concluding sentences คือการสรุปย้ำใจความสำคัญของหัวข้อให้ผู้อ่านทราบอีกครั้ง

3 Conclusion บทสรุป เป็นการทบทวนและย้ำให้ผู้อ่านทราบว่าผู้เขียนต้องการสื่อสารอะไรให้ผู้อ่านทราบ โดยเน้นรวบรวมใจความสำคัญจาก Introduction และ Body

การเขียนทั้งสามส่วนนี้จะต้องเขียนให้ถูกหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษแล้ว และอาจจะต้องใช้เทคนิคในการเขียนสักหน่อยเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับ essay ของคุณนั่นเอง ( 4 เทคนิคการเขียน essay แบบมืออาชีพ) ไม่ต้องใช้คำที่ยาก แต่เน้นความสร้างสรรค์ และสะท้อนความคิด เพราะแน่นอนว่า มหาวิทยาลัยต้องการคนที่มีความคิด มุมมองที่ดี และมีจุดยืนที่ชัดเจน รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ชอบอะไร มีความฝันที่จะทำอะไร ผ่าน Essay ผ่านการเขียนเรียงความเล่าเรื่อง ผ่านประสบการณ์ กิจกรรมที่เราเคยทำ อะไรก็ตามที่จะให้ Admissiom Office เข้าถึงเรามากที่สุด

เรื่องต้องห้าม

• ไม่ควรให้คนอื่นมาเขียนเอสเสให้ ไม่มีใครที่จะรู้จักเราดี รู้มุมมอง ความคิดเราเท่าตัวเราเองหรอกนะคะ แม้แต่พ่อแม่ หรือเพื่อนสนิท ถ้าทาง Admission Office สงสัยเขาก็อาจจะขอให้ทาง  College board ส่ง Essay ที่เราเขียนในข้อสอบ SAT Part Writing มาให้ก็ได้ ทางที่ดีเขียนเองดีที่สุดนะคะ
• จ้างฝรั่งมาเขียนก็ไม่ควร บางคนบอกถ้างั้นเราจ้างฝรั่งมาเขียนเอสเสให้ได้ไหม โธ่ อย่าเสี่ยงเลยค่ะ เขาไม่มีทางที่จะรู้จักเราดีเช่นกัน แต่สามารถให้เขาช่วยแก้ไขได้ แล้วเอสเสนั้นก็จะยังมีตัวตนของเราอยู่ค่ะ ฝรั่งจะช่วยเราได้ในเรื่องของหลักภาษา สำนวน และแนะนำคำให้ได้   

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

การสอบ IELTS TOEIC และ TOEFL แตกต่างกันอย่างไร

ไขข้อข้องใจว่าทำไมเราต้องสอบ IELTS

คุณรู้จัก Skimming, Scanning และ Details Reading - 3 ทักษะสำคัญในการทำข้อสอบ Reading แล้วหรือยัง

สำหรับน้องๆ ที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นใน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือไอร์แลนด์ มาขอรับคำปรึกษาฟรีจากเรา SI-English ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนภาษา