10 เมืองทั่วโลก ที่คนนิยมมาเรียนภาษาอังกฤษ

20 สิงหาคม 2561 English คอร์สเรียน

การเลือกเรียนต่อด้านภาษาที่ต่างประเทศถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งยอดนิยมในปัจจุบัน โดยการเลือกเรียนต่อด้านภาษานั้นอาจจะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆ ด้าน (5 สิ่งที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกโรงเรียนสอนภาษา) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าใช้จ่าย ความปลอดภัย โรงเรียนสอนภาษาที่ต้องได้มาตรฐาน และที่สำคัญก็คือการเลือกเมือง ประเทศที่จะไปเรียนต่อนั่นเอง วันนี้ SI-English ได้รวบรวมทั้ง 10 เมืองยอดนิยมทั่วโลกที่เหมาะในการไปเรียนภาษามาฝากกันค่ะ

ลอนดอน (UK)

ลอนดอนถือเป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษาชั่นนำของโลก เนื่องด้วยมีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก รวมถึงยังมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลกเป็นจำนวนมากถึง 19 แห่ง เช่น University College London (UCL) ในอันดับที่ 7 และ Imperial College London ในอันดับที่ 8 ตามลำดับ นอกเหนือไปจากความโดดเด่นทางด้านการศึกษาแล้ว ลอนดอนยังเป็นเมืองศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก อีกทั้งยังมีสำเนียงและการใช้ภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ (20 คำศัพท์ British Style ที่ชาวลอนดอนใช้กัน!) และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ลอนดอนกลายเป็นเมืองในฝันของนักเรียนทั่วโลก ก็คงเป็นเพราะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมที่แสนงดงาม ทั้งความทันสมัยและความเก่าแก่น่าหลงใหลที่ผสมกลมกลืนกันเป็นอย่างดี

ซิดนีย์ (Australia)

เป็นเมืองหนึ่งของประเทศออสเตรเลียที่ติดอยู่ในอันดับเมืองที่น่าไปเรียนต่อมากที่สุดในปี 2018 โดยที่ประเทศออสเตรเลียนั้นติดอันดับที่ 3 ของประเทศยอดนิยมที่นักเรียนอยากไปเรียนต่อมากที่สุดในโลกอีกด้วย (ไปเรียนภาษาที่ ‘ซิดนีย์’ แล้วดียังไง?) ซึ่งหากเปรียบเทียบกับเมลเบิร์นแล้ว (อยากเรียนภาษาที่ Australia ไป Sydney หรือ Melbourne ดี?) ซิดนีย์ถือเป็นเมืองที่มีค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าครองชีพที่สูงกว่าเมลเบิร์น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นักเรียนเลือกมาเรียนที่นี่น้อยลงแต่อย่างใด เพราะด้วยความที่ซิดนีย์มีทัศนียภาพที่งดงาม ได้แก่ ท่าเรือ ชายหาด ซิดนีย์โอเปร่าเฮ้าส์ รวมถึงมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กลางใจเมือง มีสถาบันสอนภาษาให้เลือกมากมาย (Top 4 โรงเรียนสอนภาษาที่ดีที่สุดในซิดนีย์) และมีมหาวิทยลัยที่ถึง 5 แห่งที่ติดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก จึงทำให้ซิดนีย์เป็นเมืองยอดนิยมในการไปเรียนต่ออยู่ในทุกๆ ปี

เมลเบิร์น (Australia)

เมลเบิร์นเป็นอดีตเมืองหลวง และเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับที่สองของประเทศออสเตรเลียรองจากซิดนีย์ และยังคงอยู่ในอันดับสองในด้านความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักเรียน โดยเมลเบิร์นเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในด้านความเป็นเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงยังมีชายหาดที่สวยงามให้ได้ไปอาบแดด มีสถานที่ท่องเที่ยวเรียงรายตลอดทั้งเมือง (ปักหมุด 5 แหล่งช้อปปิ้งในออสเตรเลีย ไม่มาไม่ได้แล้ว!) อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในยามค่ำคืนที่สวยงาม และได้รางวัลการันตีด้วยอันดับ 1 เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก ส่วนด้านการศึกษายังมีโรงเรียนสอนภาษาให้เลือกอย่างหลากหลาย รวมถึงสถาบันการศึกษาต่างๆ ยังติดอยู่ในอันดับสูงสุดที่อันดับ 19 ละ 42 ของโลกอีกด้วย และ Si-English ก็มีข่าวสารโปรโมชั่นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่เมลเบิร์นและเมืองอื่นๆ อีกมากมาย

ปารีส (France)

มหานครปารีส ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองในยุโรปที่ได้รับความนิยมในการไปเรียนต่อด้านภาษา ถึงแม้ปารีสจะเป็นเมืองที่อยู่ในระดับท็อปของเมืองที่มีค่าครองชีพสูง แต่เมื่อเทียบกับค่าธรรมเนียมการศึกษาที่ค่อนข้างราคาถูก จึงทำให้เหล่านักเรียนสามารถที่จะวางแผนงบประมาณ และค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการเรียนต่อได้ไม่ยาก ทั้งยังติดอันดับเมืองน่าอยู่ที่สุดในอันดับที่ 29 ของโลกใน Global Livability Ranking อีกด้วย และอย่างที่ทุกคนทราบว่าปารีส เป็นเมืองที่ค่อนข้างโรแมนติก สถาปัตยกรรมต่างๆ น่าสนใจและน่าศึกษา น้องๆ ที่มีความสนใจด้านประวัติศาสตร์ด้วยต้องไม่พลาดที่จะมาเรียนต่อที่นี่นะคะ เพราะจะได้ทั้งภาษาอังกฤษและความรู้ทางประวัติศาสตร์

นิวยอร์ก (USA)

New York City ได้ชื่อว่าเป็น “The City That Never Sleeps” เมืองที่ไม่เคยหลับใหล หรือในบางครั้งก็เรียกกันว่า “Capital of the World” หรือเมืองหลวงของโลก เพราะเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอเมริกา มองไปทางไหนก็เห็นตึกสูงระฟ้ามากมายจนกลายเอกลักษณ์ของเมืองนี้ อีกทั้งเมืองนี้ยังเป็นอันดับหนึ่งในการเลือกเรียนต่อภาษาในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย (ทำความรู้จัก 3 โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในนิวยอร์ก) นิวยอร์กถือเป็นศูนย์กลางของธุรกิจสำคัญด้านการเงิน การธนาคาร และการสื่อสาร รวมไปถึงตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กที่ตั้งอยู่บน Wall Street ส่วนแลนด์มาร์คของเมืองนี้จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก ‘เทพีเสรีภาพ’ หนึ่งในมรดกโลกที่ตั้งเด่นอยู่ที่เกาะลิเบอร์ตี้ อ่าวนิวยอร์ก ส่วนจุดเด่นอื่น ๆ ของเมืองนี้ก็ยังมี Times Square, Central Park, น้ำตก Niagara และ Grand Central Terminal นั่นเอง

สิงคโปร์ (Singapore)

สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศในกลุ่มอาเซียนที่แม้จะเป็นเพียงประเทศเล็กๆ แต่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพด้านการศึกษาในระดับสูง โดยสิงคโปร์ขึ้นชื่อในด้านการเป็นศูนย์กลางทางด้านการศึกษาในระดับท็อปของโลก มีวัฒนธรรมและการใช้ภาษาที่หลากหลาย โดยผู้คนที่นี่จะมีการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน จึงทำให้ใครหลายคนเลือกมาเรียนที่นี่เนื่องจากอยู่ใกล้กับประเทศไทยนั่นเอง นอกจากทางด้านการศึกษาในระดับสูงที่สุดในภูมิภาคแล้ว ประเทศสิงคโปร์ยังเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง มีอัตราการว่างงานและการก่ออาชญากรรมที่ต่ำ รวมถึงติดอยู่ในTop 5 ประเทศที่มีการคอรัปชั่นน้อยที่สุดในโลก ที่จัดขึ้นโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสระดับนานาชาตินั่นเอง

มอนทรีออล (Canada)

มอลทรีออลคือเมืองหลวงของประเทศแคนาดา หนึ่งในเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก และยังเป็นเมืองที่น่าเรียนต่ออันดับที่ 7 ของในปีนี้อีกด้วย (4 สิ่งที่นักเรียนต่างชาติห้ามพลาดใน Montreal) เนื่องจากเมืองมอนทรีออลมีความโดดเด่นด้านความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ จากการอพยพเข้ามาของผู้คนจากทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง และยังเป็นเมืองที่มีความสวยงามทางธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูงอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรพูดภาษาฝรั่งเศสมากที่สุดในโลกรองจากกรุงปารีส และสำหรับใครที่มาเรียนต่อที่นี่ไม่ควรพลาดเทศกาลสุดฮิตของเมืองมอนทรีโอ คือเทศกาล “Just for Laughs” หรือก็คือเทศกาลตลกที่ใหญ่ที่สุดของโลก

เบอร์ลิน (Germany)

นครเบอร์ลินคือเมืองหลวงของประเทศเยอรมนี เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความสวยงามในระดับท๊อปของโลกในด้านศิลปะวัฒนธรรม แฟชั่น ดนตรี และดีไซน์ ถือว่าเป็นคู่แข่งที่สูสีเมื่อเทียบกับเมืองแห่งแสงสีอย่างนครนิวยอร์ก และกรุงลอนดอน อีกทั้งยังอยู่ในอันดับ 20 ของเมืองที่น่าอยู่ของโลก และอยุ่ในอันดับที่ 12 เมืองที่มีการคอรัปชั่นน้อยที่สุดในโลก นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้กรุงเบอร์ลินเป็นเสมือนเมืองหลวงแห่งการศึกษาคือมหาวิทยาลัยของรัฐโดยส่วนใหญ่นั้นไม่เก็บค่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษาทั้งกับนักศึกษาท้องถิ่นหรือนักศึกษาชาวช่างชาติ (ยกเว้นหลักสูตรปริญญาโทในบางสาขา) และค่าครองชีพในเบอร์ลินยังไม่สูงมากอีกด้วย

โอ๊คแลนด์ (New Zealand)

เมือง Auckland คือ เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ เปรียบเสมือนกับประตูเปิดสู่นิวซีแลนด์ โดยโอ๊คแลนด์เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความชีวิตชีวา คุณสามารถพบปะหรือทำความรู้จักกับผู้คนจากทุกมุมโลก รวมถึงยังมีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก มีระบบการศึกษาที่ได้มาตรฐานระดับโลกเนื่องจากใช้ระบบการศึกษาเดียวกับประเทศอังกฤษ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยว หรือย่านที่ได้รับความนิยมจากนักเรียนนานาชาติอย่างถนนควีน (Queen Street) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย Auckland ซึ่งที่นี่เป็นถนนสายกลักของย่านธุรกิจในใจกลางเมือง Auckland ที่มีคนต่างชาติมากมาย อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมความเป็นนานาชาติอย่างแท้จริง และที่สำคัญยังเป็นเมืองที่มีความสวยของธรรมชาติระดับห้าดาว (7 สถานที่ท่องเที่ยวมหัศจรรย์ของนิวซีแลนด์) โดยหากคุณต้องการท่องเที่ยวชมวิวทิวทัศน์รอบๆ เมืองคุณสามารถใช้เวลาขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถสัมผัสกับธรรมชาติอันงดงาม ของเกาะเหนือ เช่น สถานที่เล่นสกี แม่น้ำที่ไหลผ่านใจกลางของเกาะเหนือ หรือชายหาดที่คาบสมุทรโคโลแมนเดล เป็นต้น

ดับลิน (Ireland)

ดับลิน เป็นเมืองหลวงของไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก โดยถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดับลินกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดในโลก เพราะรัฐบาลของไอร์แลนด์ได้มุ่งมั่นจะสร้างประเทศให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ทันสมัยเพื่อตอบรับกับสภาวะเศรษฐกิจโลกสมัยใหม่ จึงทำให้ไอร์แลนด์เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีศักยภาพการศึกษาด้านเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์สูงไม่แพ้ประเทศไหนเลย หากพูดถึงไอร์แลนด์ ก็ถือเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นหนึ่งในดินแดนดั้งเดิมของยุโรปที่สำคัญ จึงไม่น่าแปลกใจที่ไอร์แลนด์จะมีมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมากมาย ซึ่งควรค่าแก่การศึกษาเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นดนตรีไอริช อาหารพื้นเมือง ตำนานพื้นบ้าน วัฒนธรรมเกลิค (Gaelic) และอื่นๆ นอกจากนี้ไอร์แลนด์มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจและควรค่าแก่การแชะภาพมากมาย (5 สถานที่น่าไปใน Dublin) ไม่ว่าจะเป็นภาพวิวมุมกว้าง หรือวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้คน อีกทั้งยังมีชายหาดที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปด้วย หากคุณเรียนได้มีโอกาสมาเรียนต่อในกรุงดับลิน ก็อย่าพลาดการเดินทางไปพักผ่อนในแถบชนบทช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แล้วจะรู้ว่าสวรรค์บนดินมีอยู่จริงๆ