ศึกษาต่อต่างประเทศ ไม่ยากอย่างที่คิด ค้นหาโรงเรียนสอนภาษากว่า 600 แห่ง ใน 6 ประเทศ

7 สิ่งที่ควรต้องรู้ ก่อนไปใช้ชีวิตอยู่ที่แคนาดา

6 กุมภาพันธ์ 2561 แคนาดา นักเรียน

แคนาดา

มีหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับประเทศแคนาดา ที่คนไทยเราอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน หากน้องๆ กำลังวางแผนจะไปเรียน ท่องเที่ยว หรือใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศที่สวยงามและหนาวเย็นแห่งนี้ นี่คือข้อมูลดีๆ ที่น้องๆ ควรศึกษาเอาไว้ครับ

1. ประเทศแคนาดา เป็น bilingual country

ใช่แล้วครับ แคนาดามีภาษากลางหรือภาษาทางราชการอยู่สองภาษา ได้แก่ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ใช่ว่าทุกท้องที่หรือทุกเมืองจะพูดได้ทั้งสองภาษา ประมาณการกันว่าทั้งประเทศมีประชากรเพียง 17.5% เท่านั้นที่พูดได้ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส ตามข้อมูลมีเพียงเมือง New Brunswick เท่านั้นที่เป็นเมือง bilingual ส่วนเมือง Quebec ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ แต่หากน้องๆ พูดฝรั่งเศสไม่เป็น ก็ไม่ต้องกังวลใจไป ภาษาอังกฤษนี่แหละที่ใช้ได้ทุกที่ (เว้นแต่ว่าน้องๆ จะไปเรียนในหมู่บ้านเล็กๆ ในแถบชนบทของ Quebec)

2. Toronto ไม่ใช่เมืองหลวงของแคนาดา

แต่เป็นเมือง Ottawa ต่างหาก ซึ่งหลายๆ คนมักเข้าใจผิดคิดว่าเป็น Toronto ส่วนทำไมต้องเป็น Ottawa ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1857 โดยพระราชินีวิกตอเรีย ทรงเลือก Ottawa เพราะเป็นเมืองที่อยู่ระหว่าง Montreal และ Toronto ทั้งยังอยู่ใกล้ชายแดน Ontario และเมือง Quebec (ศูนย์กลางของแคนาดาในสมัยนั้น) นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอีกอย่างหนึ่งก็คือ เพราะ Ottawa อยู่ห่างจากชายแดนอเมริกา ซึ่งปลอดภัยกว่าหากแคนาดาถูกโจมตี ส่วนชื่อประเทศ “Canada” นั้น มาจากคำว่า “Kanata” ภาษาชนเผ่า Iroquois ซึ่งอาศัยอยู่ใน Quebec มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 มีความหมายว่า “ถิ่นที่อยู่หรือหมู่บ้าน” (ดูรายชื่อโรงเรียนสอนภาษาใน Toronto)

3. เป็นประเทศที่ซีเรียสเรื่อง “มารยาทและความสุภาพ” มาก

ชาวแคนาเดียน ขึ้นชื่อทางด้านความเป็นพิธีการ ความสุภาพและมารยาท ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากในวัฒนธรรมของประเทศ น้องๆ ควรหัดพูดลงท้ายด้วยคำว่า "please" และคำว่า "thank you" ให้คุ้นชิน การพูดคุยสื่อสารในชีวิตประจำวัน จะเป็นแบบที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า sugar coated หรือ indirect คือเลือกที่จะพูดจาให้น่าฟัง พูดอ้อมๆ เพื่อถนอมน้ำใจ ไม่นิยมพูดจากระโชกโฮกฮาก ทื่อๆ หรือพูดตรงๆ เพราะจะถูกนับว่าไม่มีมารยาท

อีกเรื่องหนึ่งที่อ่อนไหวมากๆ และน้องๆ ควรระวังคือ ต้องแยกให้ออกระหว่าง ชาวแคนนาเดียนและอเมริกัน อย่าได้เผลอพูดอะไรที่สื่อว่า แคนาดาเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา หรืออะไรทำนองนั้น ชาวแคนาเดียนก็คล้ายๆ กับคนทุกประเทศที่ภาคภูมิใจในชาติของตัวเอง พวกเขาเพียรสร้างชื่อเสียงในฐานะที่เป็นชาติที่สุภาพและอดทน ซึ่งเป็นคุณสมบัติและภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างตรงกันข้ามกับชาวอเมริกัน (อ่าน 5 ประโยคปฏิเสธแบบสุภาพ และ การรับมือกับ culture shock เมื่อต้องไปเรียนต่างประเทศ)

4. การให้ทิป ถือเป็นธรรมเนียมควรปฏิบัติ

เมื่อพูดถึงเรื่องของการให้ทิป หรือ tipping ในแคนาดาถือเป็นธรรมเนียมเลยว่าต้องให้ทิปเมื่อใช้บริการ เช่น แท็กซี่ ร้านอาหาร ร้านตัดผม และบาร์ต่างๆ โดยคิดที่ 15 % ของบริการ หรือมากกว่านั้นก็ได้ การไม่ให้ทิปถือเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะชาวแคนาเดียนจะทำเช่นนั้นก็ต่อเมื่อ บริการนั้นแย่สุดๆ หรือผู้ให้บริการได้สร้างความไม่พอใจอย่างใหญ่หลวง

5. ขึ้นชื่อในเรื่องของความเป็นมิตร

หากคนอังกฤษขึ้นชื่อเรื่องความเป็นอนุรักษ์นิยม ชาวแคนาเดียนก็เป็นที่รู้จักในด้านความเป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใส และมีนิสัยชอบช่วยเหลือ น้องๆ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องนิสัยใจคอ ตราบใดที่เรามีมารยาทต่อเจ้าของประเทศ นอกจากนี้ แคนาดายังได้ชื่อว่าเป็น the world’s most educated country หรือประเทศที่มีประชากรได้รับการศึกษามากที่สุดในโลก จาก The Organisation for Economic Cooperation and Development อีกด้วย โดยมากกว่าครึ่งของประชากร ได้รับการศึกษาในระดับปริญญาตรี

6. เป็นหนึ่งในประเทศที่มีสภาพแวดล้อมดีที่สุด

จากรายงานล่าสุดของ World Health Organization (WHO) แคนาดา อยู่ในอันดับที่ 3 ของประเทศที่มีอากาศบริสุทธิ์ที่สุด เนื่องจากมีพื้นที่กว่า 30 % ของประเทสคือพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งนอกจากจะให้อากาศที่บริสุทธิ์แล้ว ยังเป็นแหล่งธรรมชาติที่งดงามขึ้นชื่ออีกด้วย

ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งก็คือ ที่นี่ ห้ามไม่ให้มีการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ราชการ ร้านค้า ร้านอาหาร โรงพยาบาล สำนักงานต่างๆ และพื้นที่ส่วนกลางในย่านพักอาศัย (คล้ายๆ บ้านเรา แต่เข้มงวดในการจับปรับมากกว่า)

7. เวลาในประเทศ แบ่งออกเป็น 6 Time Zones

เนื่องจากประเทศแคนาดา เป็นประเทศที่มีอาณาเขตกว้างขวางเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จึงต้องแบ่งไทม์โซนออกเป็น 6 เขต ได้แก่ Pacific Standard (PST), Mountain Standard (MST), Central Standard (CST), Eastern Standard (EST), Atlantic Standard (AST) และ Newfoundland Standard (NST) ดังนั้น น้องๆ ควรศึกษาเรื่องไทม์โซนให้ดี ว่าเมืองที่น้องๆ จะไปนั้นอยู่ในไทม์โซนใด เพื่อป้องกันการสับสนเรื่องเวลา

เพื่อเป็นไอเดียคร่าวๆ ว่าเมืองไหนอยู่ในไทม์โซนไหน จะขอยกตัวอย่างเมืองดังๆ ที่คนไทยนิยมไปศึกษาต่อ ท่องเที่ยวหรืออยู่อาศัยแล้วกันนะครับ เช่น Vancouver (PST), Edmonton (MST), Winnipeg (CST), Toronto (EST), Halifax (AST), St. John’s (NST) เป็นต้นครับ

Apply to study English in Canada

น้องๆ ที่มีความสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ประเทศแคนาดา สามารถติดต่อขอทราบข้อมูลและรับคำปรึกษาได้ฟรี จากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อต่างประเทศของ SI-English ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ค่าครองชีพในการไปศึกษาต่อและใช้ชีวิตที่ประเทศ Canada

5 โรงเรียนสอนภาษาใน 5 เมืองสุดคูลของ “แคนาดา”

ไปเที่ยวที่ไหนดี เมื่อต้องไปเรียนภาษาที่ ‘แคนาดา’

© SI-English | All rights reserved | Privacy Policy