สำหรับน้องๆ ที่กำลังตัดสินใจจะไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมใน ออสเตรเลีย อเมริกา หรือสหราชอาณาจักร อาจกำลังสงสัย หรือมีความข้องใจเกี่ยวกับการสมัครวีซ่าของแต่ละประเทศอยู่ SI-English จึงขอรวบรวมเรื่องของวีซ่าของประเทศยอดฮิตเหล่านี้ ทั้ง Australia, UK และ USA มาให้อ่านเปรียบเทียบกันคร่าวๆ อีกครั้ง และหากน้องๆ มีความสนใจ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สเรียนภาษาในต่างประเทศและเรื่องของวีซ่า ก็สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของ SI-English ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เอาล่ะ! ไปดูความแตกต่างของ Visa สำหรับนักเรียนที่ไปเรียนในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในแต่ละประเทศกันเลย
ข้อแตกต่างของ Visa นักเรียน ระหว่าง Australia, UK และ USA
1. ชนิดของวีซ่านักเรียนของแต่ละประเทศ
Australia
สำหรับประเทศออสเตรเลีย หากน้องๆ เลือกไปเรียนคอร์สภาษาอังกฤษระยะสั้น ไม่เกิน 3 เดือน สามารถขอเป็นวีซ่านักท่องเที่ยวได้ ไม่ต้องขอวีซ่านักเรียน ซึ่งสะดวกและประหยัดเวลากว่า ส่วนวีซ่านักเรียนหรือ Student Visa ในประเทศออสเตรเลีย ไม่ว่าจะไปเรียนภาษาหรือศึกษาต่อในระดับและสาขาอะไร จะเป็นประเภท 500 เท่านั้น อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
UK
สำหรับน้องๆ ที่ต้องการไปเรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียวในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกินหกเดือน แนะนำให้สมัครเป็นประเภท Student Visitor Visa (SVV) / Short Term Student (STS) แต่ถ้าระยะเวลานานกว่านั้น เช่น 6 -11 เดือน แนะนำเป็น Extended Student Visitor Visa (ESVV) ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปดูใน การยื่นขอวีซ่านักเรียนเพื่อเรียนต่อในสหราชอาณาจักร
USA
แนะนำให้สมัคร วีซ่า F-1 วีซ่าประเภทนี้เป็นวีซ่าหลักที่ออกให้แก่นักเรียนส่วนใหญ่ ในกรณีที่ต้องการเข้าเรียนในสหรัฐอเมริกาตามสถานศึกษาที่ผ่านการรับรองแล้ว รวมถึงหลักสูตรภาษาอังกฤษที่ผ่านการอนุมัติ ก็ต้องใช้วีซ่าประเภท F-1 เช่นกัน
2. การยื่นขอสมัครวีซ่า
Australia
ยื่นผ่านระบบออนไลน์ ที่ ImmiAccount เท่านั้น ข้อมูลเพิ่มเติม การยื่นขอวีซ่านักเรียนประเทศออสเตรเลีย
UK
ยื่นผ่านระบบออนไลน์ได้เช่นกัน ที่เว็บไซต์ visa4uk.fco.gov.uk จากนั้นนัดยื่นเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณา ในส่วนนี้หากน้องๆ มีข้อสงสัย แนะนำให้ ลงทะเบียนเพื่อขอคำปรึกษาจากพี่ๆ ได้เลย สะดวกกว่าและไม่มีค่าใช้จ่าย
USA
ยื่นออนไลน์ โดยกรอกใบสมัคร DS-160 ที่เว็บไซต์ travel.state.gov แล้วชำระค่าธรรมเนียม จากนั้นเตรียมตัวสำหรับการนัดสัมภาษณ์ต่อไป อ่านขั้นตอนและรายละเอียดได้ที่ ขั้นตอนการขอวีซ่าเรียนต่ออเมริกา (VISA F-1)
ด่วน ! Promotion คอร์สเรียนภาษาจากต่างประเทศ ประจำเดือน พฤศจิกายน 2561
3. เอกสารที่ใช้ในการสมัคร
Australia
เอกสารที่ใช้ในการสมัครประกอบด้วย
- ใบสมัครที่กรอกข้อมูลทุกอย่างอย่างครบถ้วน (print out)
- หลักฐานการชำระค่าใช้จ่ายในการสมัครวีซ่า
- สำเนาพาสปอร์ต
- ผลการตอบรับจากสถานศึกษาที่สมัครเข้าเรียน
- เอกสารแสดงหลักฐานทางการเงิน (Statement)
- เอกสารการประกันสุขภาพ
- เอกสารการตรวจอาชญากรรม
- รูปถ่ายที่ใช้ในการทำพาสปอร์ตจำนวน 4 รูป
UK
เอกสารที่ใช้ในการสมัครประกอบด้วย:
- แบบคำร้องขอวีซ่าออนไลน์ (print out)
- พาสปอร์ตพร้อมรูปถ่าย
- หลักฐานรับรองความสามารถด้านภาษาอังกฤษ
- หลักฐานยืนยันสถานะทางการเงินในการชำระค่าเล่าเรียน
- รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 2 ใบ (ต้องเป็นรูปที่มีฉากหลังสีขาว และถ่ายมาไม่นานเกิน 6 เดือน)
- เอกสารประกอบการสมัครอื่นๆ แยกตามประเภทวรีซ่า
- ฉบับแปลและสำเนาของเอกสารทุกชิ้น
USA
เอกสารที่ใช้ในการสมัครประกอบด้วย
- หนังสือเดินทางหรือ Passport ที่ถูกต้อง
- แบบฟอร์มขอวีซ่า DS-160
- ใบเสร็จค่าธรรมเนียม SEVIS และ MRV
- รูปถ่ายสำหรับหนังสือเดินทาง ตามที่กำหนด
- แบบฟอร์ม SEVIS I-20
4. การทำงานพิเศษระหว่างการเรียน
Australia
ที่ออสเตรเลีย น้องๆ ที่ถือวีซ่านักเรียนสามารถทำงานได้สัปดาห์ละ 20 ชั่วโมง (หรือ 40 ชั่วโมง ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการแบ่งกะของนายจ้าง) สามารถศึกษาเพิ่มเติมในบทความ นักเรียนไทยสามารถทำงานในประเทศออสเตรเลียได้กี่ชั่วโมง และ 4 งาน Part-time ยอดนิยมสำหรับนักเรียนไทยในออสเตรเลีย
UK
จากกฏระเบียบใหม่ๆ ของ Tier 4 (General) Student Visa ซึ่งมีผลใช้ตั้งแต่ สิงหาคม 2015 ไม่อนุญาตให้นักเรียนต่างชาติที่ไม่ได้เรียนในระดับปริญญา หรือ Higher Education ทำงานพิเศษได้ครับ
USA
จริงๆ แล้ววีซ่านักเรียนหรือวีซ่า F-1 ไม่อนุญาตให้ทำงานพาร์ทไทม์ทั่วๆ ไป จะทำได้ก็ต่อเมื่อเป็นงานในแคมปัส หรืองานที่ได้รับการว่าจ้างจากโรงเรียนเท่านั้น และไม่เกิน 40 ชั่วโมงสัปดาห์ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
จากที่กล่าวมาทั้งหมดแล้วนั้น น้องๆ คงจะพอเห็นขั้นตอนการยื่นสมัครวีซ่าของแต่ละประเทศ และความแตกต่างในรายละเอียดเล็กๆ น้อยกันไปบ้างแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ อย่าลืมศึกษากฏระเบียบต่างๆ ในการยื่นขอวีซ่าให้รอบครอบ ทั้งเรื่องของเอกสารและการปฏิบัติตนต่างๆ
หากน้องๆ มีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนสอนภาษาทั้งในประเทศ ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา รวมถึงนิวซีแลนด์ ไอร์แลนด์ และแคนาดา สามารถลงทะเบียนเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม ได้จากพี่ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อต่างประเทศของ SI-English ได้ตลอด โดยไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เตรียมตัวยังไงให้พร้อม...ก่อนไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศ!
4 วิธีก้าวข้าม Culture Shock และทำความรู้จักเพื่อนใหม่ เมื่อไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ