ดับลิน คือหนึ่งในเมืองที่เป็นมิตรต่อการท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินเท้า ด้วยแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญต่างๆ มักจะตั้งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก หากน้องๆ มีโอกาสได้ไปเยือนเมืองน่ารักแห่งนี้ หรือวางแผนว่าจะเรียนภาษาอังกฤษที่ดับลิน (อ่าน แนะนำ 5 โรงเรียนภาษาที่น่าสนใจใน Dublin เพิ่มเติม) นี่คือสถานที่ที่น้องๆ ไม่ควรพลาดไปเยี่ยมชมครับ
St. Patrick's Cathedral
มหาวิหาร St. Patrick เป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในดับลิน และถือเป็นมหาวิหารประจำชาติ หรือ the national cathedral of the church of Ireland สร้างขึ้นในบริเวณที่เชื่อกันว่านักบุญแพททริค ได้รับบัพติศมา เมื่อประมาณ 600 กว่าปีที่ผ่านมา โดยมหาวิหารถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1220 ถึง 1259 และมีการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อทศวรรษที่ 1860
ปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวกว่า 500,000 คน มาเยือนในแต่ละปี จนถือว่าเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในดับลิน (คล้ายๆ กับที่มากรุงเทพฯ แล้วต้องไปพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว) ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิคที่มีรายละเอียดงดงาม นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพของนักเขียนชื่อดัง Jonathan Swift ผู้เขียนนิยาย “กัลลิเวอร์ ผจญภัย” อีกด้วย
มหาวิหาร St. Patrick ตั้งอยู่ใจกลางของย่านดับลินฝั่งตะวันตก เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยมีค่าเข้าชมสำหรับนักเรียนอยู่ที่ 5.50 ยูโร และ 6.50 ยูโร สำหรับบุคคลทั่วไป
Trinity College and The Book of Kells
Trinity College ก่อตั้งเมื่อปี 1592 โดยสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และดีที่สุดในไอร์แลนด์ เป็นแหล่งประสิทธิ์ประสาทวิชาของนักเขียนดังของไอร์แลนด์อย่าง Jonathan Swift และ Oscar Wilde อาคารเรียนและหอต่างๆ เป็นสไตล์กอธิคเช่นเดียวกับ มหาวิหาร St. Patrick แต่เหตุผลหลักๆ ที่มีผู้คนจำนวนมากมาเยี่ยมเยือนที่นี่ก็คือ The Old Library และคอลเลคชั่นของวรรณกรรมเก่าแก่อันทรงคุณค่ากว่า 6 ล้านเล่ม หนึ่งในนั้นคือ "The Book of Kells" หรือคัมภีร์ Gospels ฉบับหนังสือภาพ ที่สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ค.ศ. 800 โดยนักบวชชาวเซลติก อันประเมินค่าไม่ได้
Trinity College ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของย่าน Liffey คึกคักไปด้วยเหล่านิสิตนักศึกษา น้องๆ สามารถเดินชมรอบๆ มหาวิทยาลัยได้ฟรี ไม่มีค่าเข้า แต่ถ้าจะชม The Old Library ต้องเสียประมาณ 10 -13 ยูโร (แล้วแต่ช่วงเวลา) แพงแต่ก็ถือว่าคุ้มค่า
Chester Beatty Library
Chester Beatty Library ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในยุโรป แต่กลับถูกมองข้ามจากนักท่องเที่ยวไปซะอย่างนั้น โดยห้องสมุดแห่งนี้มีคอลเลคชั่น ของหนังสือหายาก บันทึกต่างๆ และภาพเขียนโบราณจำนวนมาก บางชิ้นมีอายุย้อนไปถึงกว่า 2,700 ปีก่อนคริสตกาล จากทั่วโลก ทั้งยุโรป เอเชีย เอเชียกลาง และแอฟริกาเหนือ ห้องสมุดแห่งนี้ตั้งชื่อตาม Sir Alfred Chester Beatty เศรษฐีชาวอเมริกันที่บริจาคคอลเลคชั่นของสะสมล้ำค่าส่วนตัวให้กับไอร์แลนด์เมื่อปี 1969
Chester Beatty Library ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ Dublin Castle นอกจากนี้ยังมีส่วนของร้านอาหาร สวนนั่งเล่น และร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย แต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ฟรีๆ แถมยังมีไกด์พาชมในช่วงบ่ายวันพุธและวันอาทิตย์อีกต่างหาก
Phoenix Park and Dublin Zoo
หากอยากหาสถานที่สงบๆ ในดับลิน เพื่อหลบหนีจากผู้คนและความวุ่นวาย Phoenix Park คือคำตอบของน้องๆ ครับ สวนแห่งนี้ถือเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของทวีปยุโรป มีอาณาเขตครอบคลุมกว่า 3 ไมล์ เต็มไปด้วยสนามหญ้าเขียวขจี ต้นไม้ใหญ่อันร่มรื่น และทะเลาสาบที่ใสเย็นและสะอาดสะอ้าน
น้องๆ สามารถเริ่มต้นทริป ด้วยการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของสวน ณ Visitor Centre และ Ashtown Castle พร้อมกับชมอาคารยุคกลางที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 สวนนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Farmleigh house ฟาร์มขนาด 78 เอเคอร์ที่อยู่มาตั้งแต่ยุค Edwardian และปัจจุบันยังคงทำการอยู่ รวมไปถึง Victorian walled kitchen garden ด้วย
แต่สถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของสวน คือสวนสัตว์ดับลิน หรือ Dublin Zoo ที่สร้างขึ้นมาตังแต่ปี 1831 และเป็นสวนสัตว์ที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป สวนสัตว์ขนาด 70 เอเคอร์แห่งนี้ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์กว่า 400 ตัว ซึ่งได้รับการชื่นชมจากนักท่องเที่ยวในเรื่องของการจัดการ การดูแลสัตว์เป็นอย่างดี และที่พลาดไม่ได้ คือการดินเนอร์ใน Meerkat restaurant ที่มีหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ให้เราได้ชมกิจวัตรของเจ้าเมียร์แคทระหว่างทานอาหารไปด้วย
Phoenix Park ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของใจกลางเมืองดับลิน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ส่วน Dublin Zoo มีค่าเข้า 17.50 ยูโร ในส่วนของสวนมี Segway Tour พร้อมไกด์ฟรีอีกด้วยครับ
Temple Bar
ย่านที่ได้ชื่อว่าเป็น party hub ของดับลิน ในเวลากลางวัน Temple Bar ย่านจะเป็นแหล่งอาร์ต เต็มไปด้วยแกลอรี่ฮิพๆ เก๋ๆ และการแสดงโชว์ performance art ต่างๆ ส่วนในตอนกลางคืน ก็จะเป็นแหล่งกิน ดื่ม เที่ยว สังสรรค์เฮฮา
แม้ว่าทุกวันนี้ Temple Bar จะกลายสภาพเป็น tourist trap ในสายตาชาวดับลิน คล้ายๆ ถนนข้าวสารหรือย่านนิมมานฯ เชียงใหม่ ของบ้านเรา แต่ก็ยังถือว่าเป็นสถานที่ที่ต้องไปสัมผัสสักครั้ง
สำหรับน้องๆ ที่สนใจการเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษที่ประเทศไอร์แลนด์ หรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเรียนและอื่นๆ สามารถ ลงทะเบียบนเพื่อขอรับคำปรึกษาจากพี่ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนต่อต่างประเทศของ SI-English โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ตั้งแต่วันนี้เลยครับ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
Dublin เมืองในฝัน ที่คนอยากเรียนภาษาอังกฤษห้ามพลาด!
รู้จักคำศัพท์และภาษาอังกฤษแบบ UK และ Irish ที่คนไทยและชาวต่างชาติอาจไม่เก็ท!